เหตุผลอะไร ที่ทำให้ขอสินเชื่อบ้านไม่ผ่าน

0
388

การมีบ้านสักหลัง แม้ไม่ใหญ่โต แต่ก็เป็นความฝันที่เติมเต็มชีวิตครอบครัวให้สมบูรณ์แบบ แน่นอนว่า มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ คงไม่สามารถเก็บหอมรอมริบจนมีเงินก้อน นำไปซื้อบ้านเป็นกรรมสิทธิ์ได้อย่างง่ายดาย การขอสินเชื่อบ้านจากธนาคารจึงเป็นหนทางที่จะทำให้ความฝันนั้น กลายเป็นจริงขึ้นมาได้

แต่หลายๆ คนกลับประสบกับความผิดหวัง เมื่อยื่นขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารแล้ว ปรากฏว่าไม่ผ่านการพิจารณา สิ่งที่วาดฝันไว้ว่าจะมีบ้านของตัวเองจึงพังครืนไม่เป็นท่า พร้อมๆ กับเกิดคำถามมากมายว่า มีเหตุผลอะไร ที่ให้การขอสินเชื่อบ้านไม่ได้รับการอนุมัติ ทั้งๆ ที่มีรายได้ประจำเป็นหลักแหล่ง บางคนมีรายได้ทั้งสามี และภรรยา รวมกันแล้วน่าจะผ่านฉลุย ในขณะที่หลายๆ คนที่มีอาชีพค้าขายตามตลาดนัด กลับได้รับการอนุมัติสินเชื่อบ้านอย่างง่ายดาย

มาดูเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ธนาคารหลายแห่งปฏิเสธการให้สินเชื่อบ้านกันเลยดีกว่าค่ะ

สินเชื่อบ้าน

 

เหตุผลอะไร ที่ทำให้ขอสินเชื่อบ้านไม่ผ่าน

1. เปลี่ยนงาน

หลายๆ คนมองว่าการเปลี่ยนงาน คือการอัพเงินเดือน หรือเป็นหาประสบการณ์ใหม่ๆ จากการทำงาน แต่สำหรับมุมมองของธนาคารแล้ว การเปลี่ยนงานคือความไม่มั่นคงทางด้านหน้าที่การงาน เพราะทุกครั้งที่เปลี่ยนงาน อาจไม่ใช่เพียงเหตุผลของการอัพเงินเดือนก็เป็นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เปลี่ยนงานบ่อยๆ อาจมีเหตุผลอื่น เช่น ไม่อดทนในการทำงาน เข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ ฯลฯ จึงไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้ว่า เมื่อคุณเปลี่ยนงานครั้งต่อไป คุณจะทำงานที่ใหม่ได้นานแค่ไหน และจะผ่านการทดลองงานหรือไม่ ดังนั้น ก่อนที่จะยื่นขอสินเชื่อบ้านกับทางธนาคาร จึงไม่ควรเปลี่ยนงานในช่วงเวลานั้นๆ

 

2. มีภาระหนี้สินหลายทาง

เป็นธรรมดาว่า มนุษย์เงินเดือนที่อยู่ในช่วงวัยทำงานนั้น มักจะต้องมีบัตรเครดิต หรือภาระเรื่องผ่อนรถกันอยู่บ้าง ถ้าอยากจะเพิ่มภาระการผ่อนบ้านขึ้นมาอีก คงต้องคำนวณรายได้รวม ทั้งของสามี และภรรยา เพื่อเช็คยอดรายได้ว่า เราจะมีเพียงพอที่จะชำระหนี้บ้านเพิ่มได้อีกหรือไม่ อย่าเพิ่งรีบร้อนไปขอสินเชื่อบ้าน เพื่อให้ทางธนาคารตอบปฏิเสธกลับมา

โดยวิธีการคำนวณสัดส่วนหนี้ต่อรายได้คือ (รวมหนี้สินทั้งหมด/รายได้ทั้งหมด)x100 = สัดส่วนหนี้สินต่อรายได้ เรียกว่า DTI (Debt to Income) ถ้าเกิน 36% ก็มีโอกาสที่จะกู้ไม่ผ่าน ทางแก้ก็คือ ต้องไปลดสัดส่วนหนี้สินลง ไม่ว่าจะเป็นปิดบัตรเครดิต ผ่อนรถให้หมด เป็นต้น

 

3. ประวัติการชำระหนี้ไม่ดี

การวางแผนซื้อบ้าน เป็นเรื่องที่ใช้เวลาพอสมควร ดังนั้น เมื่อเริ่มต้นชีวิตการทำงาน จึงควรระมัดระวังเรื่องการใช้บัตรเครดิตให้ดีทีเดียว หลายๆ คนใช้จ่ายตามใจตัวเอง ทำให้การเงินติดขัดจนผ่อนชำระล่าช้าไปบ้าง หรือชำระขั้นต่ำบ้าง ซึ่งธนาคารจะมองว่า เครดิตไม่ดี พลอยทำให้ประวัติการชำระเงินถูกรายงานไปยังเครดิตบูโร สิ่งที่ตามมาก็คือ ไม่ว่าจะขอสินเชื่ออะไรก็ตามในครั้งต่อๆ ไป มีสิทธิ์ถูกปฏิเสธสูงมากทีเ่ดียว แต่สิ่งที่ผ่านไปแล้ว ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ แต่เราสามารถเตรียมความพร้อมใหม่ได้ เพราะข้อมูลที่ถูกรายงานไปยังเครดิตบูโรนั้น จะอยู่ในระบบไม่เกิน 3 ปี หลังจากนั้นคุณก็จะสามารถขอสินเชื่อได้ตามปกติ

ทางที่ดีสำหรับคนที่คิดจะขอสินเชื่อบ้าน ก็คืออย่าเพิ่งไปสร้างหนี้ใดๆ หรือถ้ามีหนี้อยู่แล้วก็รีบจัดการให้ลดน้อยลง และอย่าได้สร้างหนี้เพิ่มขึ้นมาเชียวนะ ไม่เช่นนั้น ความฝันที่อยากจะมีบ้านสักหลัง คงหายวับไปกับตา

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

TerraBKK