ฟังคุณหนุ่ม กรรชัยเล่าในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์แล้วประทับใจมาก
ก่อนอื่นคือเค้าเป็นคนที่กล้าที่จะบอกว่าผมเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ผมมีความคิดเห็นอย่างไร แม้ว่าจะเป็นคนรู้จักกัน หรือคนในวงสังคมเดียวกันก็ตาม ส่วนตัวคิดว่าการกล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์อย่างสุภาพโดยไม่มากลัวอุ้ย เดี๋ยวมีปัญหากัน เดี๋ยวบาดเลือดแค้นกัน เดี๋ยวสร้างศัตรูโดยที่ไม่จำเป็น ทั้งหมดนี้ทำให้สังคมก้าวสู่สากลมากขึ้นนะ
วันนี้คุณหนุ่มเล่าถึงการเลี้ยงลูกสาวให้ฟังค่ะ ลูกสาวที่อายุกำลังจะ 7 ขวบ ว่าตนเองมีวิธีการเลี้ยงลูกอย่างไร
คุณหนุ่มเล่าว่าตัวเองเข้มงวดเรื่องแตะเนื้อต้องตัวกันมากในฐานะพ่อ ตัวเองไม่เคยอาบน้ำกับลูกเลย จริงอยู่ตอนเด็กๆอาบน้ำให้ แต่พอโตมาจะมีระยะของตัวเอง ลูกอาบน้ำกับแม่ก็อาบไป แต่ตัวเองจะออกไปทำอย่างอื่นข้างนอก
แม้แต่ตอนที่บางทีลูกวิ่งออกมาแก้ผ้า ตัวเองก็จะห้ามลูกว่าไม่ได้นะ ป๊าเป็นผู้ชาย หนูต้องไปห่มผ้าเช็ดตัวออกมา
ส่วนในเรื่องแตะเนื้อต้องตัวเนี่ย ตัวเองจะเป็นประเภทที่ว่าถ้าลูกคันหลังก็จะเกาหลังให้เพียงแค่นี้ นอกจากนั้นคือการกอด หอม ก่อนไปทำงานลูกก็จะมาจุ๊บตอนเช้า
และเพิ่มเติมอีกอย่างคือ ตัวเองการเข้มงวดมากในเรื่องการเข้าห้องน้ำ คือจะไม่ยืนฉี่ ด้วยความกลัวว่าบางทีลืมล็อคประตู ไม่อยากให้ลูกที่อาจจะเผลอเปิดเข้ามาเห็นตัวเองยืนฉี่ กับอีกหนึ่งเหตุผลเลยคือ กลัวว่ายืนฉี่แล้วจะเลอะเทอะ แล้วลูกสาวจะมานั่งแล้วเลอะไป ก็เลยติดนั่งฉี่มาตลอด
ทุกวันนี้เปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองไปเลยตั้งแต่มีลูก
ทุกครั้งที่จะลงรูปถ่าย ตัวเองขออนุญาตลูกสาวทุกครั้ง บอกว่าป๊าลงรูปนี้ได้มั้ยลูก ถ้าบอกไม่เอาตัวเองจะไม่ลงเด็ดขาด
แม้แต่รูปเก่าๆตอนเด็ก รูปที่สมัยเป็นทารกที่ลงแล้วเอาสติ๊กเกอร์แปะในจุดสงวนเอาไว้ ตัวเองจะกลับไปเปิดให้ลูกดูว่าโอเคมั้ย ให้ป๊าลบรึเปล่า ถ้าไม่โอเคจะลบทันที แต่ลูกก็บอกไม่เป็นไร ลงได้ น่ารัก
มันคือการเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน บางทีเนี่ยเด็กเค้าไม่เข้าใจหรอกเรื่องพวกนี้ แต่เราสามารถปลูกฝังให้เค้าเข้าใจได้ และเค้าจะเข้าใจในสิทธิของผู้อื่นและตัวเอง แต่ถ้าเราไปจับในส่วนที่ไม่ควรจับ และบอกว่านี่คือความรัก ต่อไปเด็กอาจจะคิดได้ว่า การถูกจับในที่แบบนี้คือสิ่งที่ถูก เรื่องพวกนี้มันเป็นอะไรที่ต้องค่อยๆเรียนรู้ เช่น ตัวเองเนี่ย เมื่อก่อนเคยพาลูกสาวไปหาจิตแพทย์แล้วโดนคนด่าเยอะมาก แบบมึงเองนั่นแหละคือโรคจิต พาลูกไปทำไม
แต่สำหรับตัวเองไม่ใช่ มันคือการพาไปเพื่อพัฒนาการของลูก บางครั้งเด็กจะมีมุมมองของเค้าที่เราคิดไม่ออก ตอบไม่ได้ แต่หมอตอบได้ตัวเองเลยต้องพาไป
อีกกรณีหนึ่งที่อยากฝากเอาไว้คือ การวิจารณ์อย่างมีขอบเขต การไปด่าพ่อแม่เด็กเสียๆหายๆ มันทำให้กระทบกับเด็กด้วย เพราะเด็กจะคิดว่าพ่อเราเป็นคนเลวรึเปล่า อาจจะมีปัญหากับการเข้าสังคมในภายภาคหน้า แล้วกลัวว่าเด็กจะกลายเป็นซึมเศร้าได้ อันนี้ขอฝากทุกคนเอาไว้ด้วย
โห คุณคะ ไม่ใช่ว่าส่งลูกเรียนในระบบฝรั่งเท่านั้น คุณหมอปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงดูให้เป็นสากลมากตามไปด้วย ระบบความคิดในฐานะพ่อ ในฐานะพลเมืองคือดีมาก มันยกระดับสังคมจริงนะถ้ามีสื่อแบบนี้อยู่เยอะๆ และหวังว่าผู้บริหารในประเทศ คนที่เป็นคนดูแลเรื่องพัฒนาโดยการกับบุคลากรยุคใหม่ จะใส่ใจในเรื่องพวกนี้เช่นกันค่ะ
การเคารพในความเป็นลูกเริ่มต้นไม่ยากเลยนะคะ เริ่มจากหยุดพูดว่า “ฉันเป็นพ่อนะ” “ฉันเป็นแม่นะ” ในยามที่บูกอ้าปากจะตอบกลับอะไรซักอย่างก่อน ฟังลูกโต้แย้ง มีประชาธิปไตยในบ้าน ลูกไม่ใช่เพราะเด็กกว่า ไม่ใช่เพราะยังขอเรากิน ถึงไม่มีสิทธิ์จะคิดเห็นแตกต่าง หรือโต้แย้งใดๆ ลูกคือสมาชิกอีกคนของบ้าน ไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาเราค่ะ
ครอบครัวไม่มีลำดับชั้นอำนาจนะ แต่คือเพื่อนร่วมงาน ผู้ร่วมทาง เดินไปข้างหน้าในระนาบเดียวกันค่ะ
ทุกคนเริ่มเคารพกันและกันในครอบครัวได้ ณ ตั้งแต่วันนี้เลยนะคะ
ขอบคุณคุณหนุ่มอีกครั้ง ที่ความคิดเห็นช่วยยกระดับความคิดของสังคมค่ะ
คลิปรายการ : https://youtu.be/Grg_9JhSZn4